ถ้าพูดถึงความเข้มข้นของฟุตบอลไทยลีก แฟนบอลคงจะต้องพูดถึงฤดูกาล 2018-2019 ที่ได้แชมป์ลีกหน้าใหม่อย่างสโมสรเชียงราย ยูไนเต็ดที่ฟาดหน้าแซงทีมยักษ์ใหญ่อย่างบุรีรัมย์ ยูไนเต็ดเข้าป้ายเป็นอันดับหนึ่งในนัดสุดท้ายของฤดูกาล โดยสิ่งที่เป็นพูดถึงกันมากในวันนั้นคือการให้สัมภาษณ์ของประธานสโมสรของบุรีรัมย์ที่กล่าวว่า เขาไม่ต้องการจัดพิธีมอบถ้วยที่สนามของเชียงใหม่ ด้วยเหตุผลถึงความสะดวกของทีมงานสมาคมฟุตบอลไทย แต่นั่นก็ทำให้แฟนบอลเชียงรายและทีมอื่นไม่พอใจและรู้สึกถึงความมั่นใจว่ายังไงทีมปราสาทสีฟ้าก็ต้องเป็นแชมป์แน่นอน ส่วนเชียงรายเขาขอแค่ทำผลงานให้ดีที่สุดก็พอในวันนั้น

การเติบโตของเชียงราย ยูไนเต็ด

ถ้าจะให้เรียกสิงห์เชียงรายว่าเป็นยอดทีมจากเมืองเหนือก็คงจะไม่ผิดนัก เมื่อพวกเขาสามารถคว้าแชมป์ในทัวร์นาเมนต์ต่าง ๆ ของประเทศได้ครบตั้งแต่ขึ้นมาอยู่ในลีกสูงสุดของไทย โดยในฤดูกาล 2017-2018 ทีมกว่างโซ้งสามารถคว้าแชมป์เอฟเอคัพไทยได้โดยเอาชนะทีมแบงค์ค็อก ยูไนเต็ดไปได้ด้วนสกอร์ 4-2 ถือเป็นถ้วยรางวัลแรกของทีม ก่อนที่ในปีถัดมาพวกเขาสามารถสร้างประวัติศาสตร์โดยการเป็นทริปเปิลแชมป์โดยถ้วยแรกคือการชนแชมป์ระหว่างแชมป์ไทยลีกอย่างบุรีรัมย์ ยูไนเต็ดและก็เป็นทีมจากแดนเหนือที่เอาชนะไปได้จากการดวลจุดโทษ ก่อนที่จะมาคว้าแชมป์ลีกคัพจากการเอาชนะทีมกระต่ายแก้วบางกอกกล๊าสไปด้วยสกอร์ 1-0 และปิดท้ายด้วยการป้องกันแชมป์เอฟเอคัพของพวกเขา ด้วยการย้ำแค้นบุรีรัมย์ไปอีกครั้งด้วยสกอร์ 3-2 แต่ความยิ่งใหญ่ของพวกเขาก็ยังไปไม่ถึงดวงดาวเพราะถ้วยรางวัลที่ใหญ่ที่สุดในประเทศอย่างไทยลีก พวกเขากลับจบอันดับ 5 ของตารางเท่านั้น

การคว้าแชมป์ไทยลีกที่ไม่คาดคิด

ในฤดูกาล 2018-2019 ถือเป็นฤดูกาลที่น่าจดจำที่สุดของกว่างโซ้งมหาภัย เพราะพวกเขาสามารถขึ้นทำและทำอันดับเป็นที่ 1 ของตารางอยู่นาน แต่พอเข้าช่วงท้ายฤดูกาลความฝันของพวกเขาก็เริ่มเลือนลางเพราะการทำแต้มหลุดมือบ่อยจนทำให้สุดท้าย ทั้งทีมบุรีรัมย์ ยูไนเต็ดกับเชียงรายต้องมาตัดสินแชมป์กันในวันสุดท้าย โดยทั้งสองทีมต่างต้องออกไปเยือนทั้งคู่ ทางทีมปราสาทสายฟ้าต้องเจอกับทีมรุ่นน้องเมืองเหนืออย่างเชียงใหม่ ส่วนเชียงรายต้องออกไปเยือนทีมสุพรรณบุรี ซึ่งมองจากก่อนแข่งถือว่าเชียงรายมีงานยากกว่ามาก เพราะทีมเชียงใหม่ตกชั้นไปแล้ว ส่วนสุพรรณบุรีคือทีมอันดับ 14 และยังต้องสู้สุดตัวเพื่อหนีตกชั้น

ทางเชียงรายเล่นกันอย่างไม่กดดันเท่าไหร่นักและสุดท้ายจะสามารถเอาชนะสุพรรณไปได้ 5-2 และได้แต่รอผลของบุรีรัมย์ที่จบเกมช้ากว่า โดยในขณะนั้นทีมแชมป์เก่าสามารถขึ้นนำเชียงใหม่ได้ก่อน 1-0 จนกระทั่งนาทีที่ 87 ทางไคเก โกเมสสามารถทำประตูตีเสมอได้สำเร็จจนสกอร์เป็น 1-1 และจบเกมทำให้ทั้งสองทีมมีคะแนนเท่ากันที่ 58 แต้ม แต่ด้วยกฎการเจอกันของทั้งสองทีมซึ่งเชียงรายไม่เคยแพ้บุรีรัมย์ทำให้เขาปาดหน้าคว้าได้สำเร็จ

สิ่งที่เป็นที่น่ายินดีของแฟนบอลไทยลีกในวันนั้นก็คือแชมป์ลีกมักจะผูกปีอยู่ที่บุรีรัมย์เสมอและการสัมภาษณ์ออกสื่อของผู้ใหญ่ในทีมเป็นตัวจุดชนวนให้เกิดเหตุการณ์สักอย่างเพื่อทำให้แชมป์ได้เปลี่ยนหน้าบ้าง แต่อย่างไรก็ตามเชียงราย ยูไนเต็ดก็ควรจะถูกยกย่องในฐานะทีมท้องถิ่นอีกทีมที่สามารถผลักดันตัวเองขึ้นมาเป็นทีมระดับสูงและการชูถ้วยแบบไม่ต้องรอกลับบ้านของเขาจะถูกจดจำไปอีกนานแสนนาน