Tag: ปีศาจแดง (page 1 of 1)

บรรดาลูกนกของเฟอร์กูสันยุค 90 ใครรุ่ง ใครร่วง

ในยุค 90 ทีมฟุตบอลที่ครองลีกอังกฤษคงหนีไม่พ้นทีมปีศาจแดงแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดที่คุมโดยเซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสันพร้อมกับตำแหน่งแชมป์ลีกสูงสุดมากถึง 13 สมัยตลอดการคุมทีมของเขา แต่ช่วงครึ่งแรกของเขามีการกำเนิดของเหล่าผู้เล่นวัยเยาว์ที่สร้างความฮือฮาให้กับทีมเป็นอย่างมากไม่ว่าจะเป็นเดวิด เบคแฮม, นิกกี้ บัตต์, ไรอัน กิ๊กส์, พี่น้องตระกูลเนวิลล์ และพอล สโคลส์ ถึงนักเตะกลุ่มนี้คือฟันเฟืองสำคัญที่ทำให้พวกเขาคว้าแชมป์ลีกได้มากที่สุด รวมไปถึงการได้แชมป์ยุโรปและทัวร์นาเมนต์ต่าง ๆ ในประเทศอีกด้วย แต่ทว่าไม่ใช่พวกเขาทุกคนที่จะอยู่กับทีมไปตลอด และบางคนก็จำเป็นต้องแยกทางกับทีมและไม่ได้อยู่ในจุดสูงสุดของอาชีพดังเดิม

นักเตะที่ต้องจำใจลาจากสโมสร

ชื่อแรกของนักเตะที่ออกจากทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดยุครุ่งเรืองคงหนีไม่พ้นเดวิด เบคแฮมที่มีข่าวทะเลาะกับเฟอร์กูสันจนถึงขั้นเกือบฟาดกันในห้องแต่งตัวและส่งผลให้เบคแฮมถึงกับคิ้วแตกออกมาจากสนามไป แต่เขายังถือว่ามีอาชีพค้าแข้งที่ดีเพราะการย้ายไปอยู่กับรีล มาดริดยักษ์ใหญ่ของสเปนและมิลาน ยังถือเป็นการลงเล่นในลีกชั้นนำของยุโรปอยู่ดี แต่ทางนิกกี้ บัตต์และฟิล เนวิลล์ไม่ใช่แบบนั้น ทางเนวิลล์คนน้องต้องย้ายไปเป็นตำนานของทีมเอฟเวอร์ตันแทน และเขาถือว่ามีฟอร์มการเล่นที่ดีพอสมควร ได้พาทีมไปแข่งในรอบคัดเลือกยูฟ่า แชมเปียนส์ลีกด้วย แต่ทว่าหากเทียบความสำเร็จที่เคยเป็นแชมป์ลีกสูงสุดและถ้วยใบใหญ่ของยุโรปแล้ว นี่คือสิ่งที่เทียบกันไม่ติดเลยทีเดียว

ทางด้านนิกกี้ บัตต์กองกลางสายแกร่งอีกคนก็ไม่ได้อาชีพที่น่าจดจำมากเท่าไหร่นักหลังจากออกจากโอลด์แทรฟฟอร์ด นั่นก็เพราะเขาย้ายไปเล่นให้กับทีมนิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ดและจุดตกต่ำของเขาก็มาถึงเมื่อทีมของเขาได้ตกชั้นไปในฤดูกาล 2009-2010 และต้องลงไปเล่นในลีกแชมปเปียนชิพแทน และสถิติที่เขาเคยเล่นในพรีเมียร์ลีกมาโดยตลอดต้องจบลงไปพร้อมกัน ก่อนที่ในฤดูกาลสุดท้ายเขาจะสามารถพาทีมสาลิกาดงคว้าแชมป์ลีกรองและตีตั๋วกลับมาเล่นในลีกสูงสุดได้อีกครั้ง

นักเตะที่ได้ไปต่อในรังปีศาจ

แม้ว่านักเตะบางส่วนจะต้องย้ายทีมออกไปอย่างน่าเสียดาย แต่นักเตะอย่างไรอัน กิ๊กส์หรือแกรี่ เนวิลล์ก็ถือเป็นกำลังหลักของทีมในช่วงเปลี่ยนผ่านของนักเตะอีกรุ่นของเซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสันเพราะการที่มีนักเตะที่ในเวลานั้นเป็นพี่ใหญ่ของทีมที่มาผสมกับนักฟุตบอลรุ่นใหม่อย่างเวนย์ รูนี่ย์หรือคริสเตียนโน่ โรนัลโด้ทำให้ทีมประสบความสำเร็จอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นแชมป์พรีเมียร์ลีกหรือยูฟ่า แชมป์เปี้ยนส์ลีกสมัยที่สองของเฟอร์กูสันที่สามารถเอาชนะเชลซีในรอบชิงชนะเลิศไปได้ ซึ่งในขณะนั้นไรอัน กิ๊กส์ถือเป็นผู้นำคนสำคัญของทีม และพอล สโคลส์ที่ทำหน้าที่เป็นตัวทีเด็ดในช่วงครึ่งหลังได้เสมอ จนกระทั่งวันที่เฟอร์กี้ได้แชมป์พรีเมียร์ลีกครั้งสุดท้ายในปี 2013 ก่อนที่ไรอัน กิ๊กส์จะแขวนรองเท้าในปีถัดมาถือเป็นการปิดฉากกลุ่มลูกนกอย่างสมบูรณ์

แม้ว่าตำนานนักเตะของเฟอร์กี้ปี 92 จะไม่ได้อยู่กับทีมและผู้จัดการคนเก่งไปจนถึงวันที่เขาบอกลากับสโมสรแต่ความผูกพันธ์กับพวกเขากับผู้จัดการทีมถือว่าเป็นสิ่งที่ตัดไม่ขาด แฟนบอลมักจะเห็นคำสัมภาษณ์ของผู้เล่นที่ยกย่องเฟอร์กูสันอยู่เสมอ และต้องยอมรับว่าพวกเขาได้สร้างตำนานที่ใครจะลบเลือนยากที่สนามโอลด์ แทรฟฟอร์ดแห่งนี้

ทำไมผีแดงถึงแพ้ไบรท์ตันถึง 2 ปีติดกัน

โจเซ่ มูรินโญ่ เริ่มคุมทีมไปเพียงเกมที่ 2 ของฤดูกาล 2018-2019 แล้วก็แพ้ให้กับทีมน้องใหม่ปีที่แล้ว อย่างไบรท์ตันไปแบบเหลือเชื่อ เรียกได้ว่าฟอร์มการเล่นค้านสายตาแฟนผีทั่วโลก และเรียกได้ว่าเป็นความพ่ายแพ้ที่มาเร็วเหลือเกิน 3-2 คือสกอร์บอร์ดสุดท้ายที่เราได้รับรู้หลังสิ้นเสียงนกหวีด และเรียกได้ว่าทำใจยอมรับได้ยากมาก แต่อะไรคือความผิดพลาดของการแพ้ครั้งนี้ และการแพ้ครั้งนี้จะกระทบอะไรกับความหวังลุ้นแชมป์ของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดได้บ้าง หลังจากที่ปีที่ผ่านมา พวกเค้าก็จบฤดูกาลไปแบบวืดทุกแชมป์ไปแล้ว จนความหวังของปีนี้ถูกตั้งไว้สูงมากจากแฟนบอลทั่วโลก เราลองมาหาคำตอบกัน

ทัศนะคติในการเล่นของนักเตะ

น้ามูที่จริงเคยให้สัมภาษณ์ผ่านสื่อหลายครั้งแล้วในการวิจารณ์นักเตะให้ต้องรู้ตัวแบบจัง ๆ ไม่มีอ้อมค้อม และบ่อยครั้งจุดของการว่าของน้ามูคือ ทัศนะ และความไม่ทุ่มเทเต็มที่ ยามที่ถูกส่งลงเล่นในสนาม เพราะว่าการเป็นทีมใหญ่อย่างผีแดงนั้น นักเตะถูกเรียกร้องคาดหวังว่าจะต้องใส่เต็มร้อยมากกว่าทีมอื่นอยู่แล้ว แต่บางครั้งในแต่ละเกมการแข่งขัน ตั้งแต่ฤดูกาลก่อน ๆ มันบ่งบอกชัดเจนว่า นักเตะหลายคนเล่นแบบที่ไม่อยากชนะ เพราะว่าทัศนะที่เห็นคือไม่ทุ่มเท ไม่จำเป็น หลังจากที่ทุกคนได้ค่าเหนื่อยก้อนโตอยู่แล้ว วันๆ ก็รับเงินสบายๆ แม้แต่ป็อกบาเอง ก็ออกมายอมรับในจุดนี้ว่า นักเตะไบรท์ตันมีทัศนะดีกว่าเรา และต้องการชนะด้วยความโกรธความมุมานะ ที่เห็นได้ชัดแม้ว่าด้อยกว่า นี่จึงเป็นเรื่องที่นักเตะหลายคนของผีแดงชุดแพ้ไบรท์ตันต้องรีบทำการบ้านด่วน

การขาดนักเตะชั้นดี

ว่ากันว่าปีนี้เป็นปีที่มูรินโญ่เสริมทัพได้น้อยกว่าปีอื่น ๆ มาก แม้ว่าจะไม่ได้แชมป์และทีมเป็นสุดยอดของความรวยต่อเนื่อง เพราะว่านักเตะที่ซื้อเข้ามาในเกมนี้เห็นได้ชัดว่าขาดคุณภาพอยู่มาก เช่น เฟร็ด ชาวบราซิลตัวใหม่ เริ่มจะถูกมองแล้วว่าไม่มีความเจ๋งสมกับการรอคอย และเล่นไม่ออก ปรับตัวไม่ได้ และที่มากไปกว่านั้น เป็นนักเตะเก่า เช่นกองหลังอย่างอิริค ไบยี่ และวิคเตอร์ ลินเดลอฟ ที่ไม่สามารถแสดงผลงานที่ดีได้เลย หลังจากการป้องกันที่ลุกลี้ลุกลน จนทำให้เสียรวดเดียว 2 ประตูตอนเริ่มเกม และยังแสดงความเฟอะฟะ ไม่นิ่งออกมาตลอด ทำให้นักเตะชั้นดีจำเป็นมากสำหรับผีแดงในฤดูกาลนี้หากต้องการจะลุ้นแชมป์อีก

ปีนี้ถึงเหล่าพลพรรคเรดอาร์มี่อาจจะแพ้ในเกมที่ 2 แต่พวกเขาก็ยังมีอีกหลายเกมให้แก้ตัวจนกว่าจะจบฤดูกาล ปีนี้จึงถือว่าจุดอ่อนของพวกเค้าแสดงออกอย่างรวดเร็ว ทำให้ยังมีเวลาแก้ไขทัน ขอให้แฟนๆ อดทนรอดูกันต่อไป

 

โชเซ่ มูรินโญ่ กับอาถรรพ์ปีที่ 3 ภายใต้บัลลังก์สีแดง

โชเซ่ มูรินโญ่ หรือน้ามูที่แฟนบอลชาวไทยเรียกแซวกัน เป็นชื่อที่เชื่อขนมกินได้ หรือเป็นหนึ่งนามโค้ชระดับโลกที่เรียกได้ว่าไม่มีใครไม่รู้จัก แถมยังมีฝีไม้ลายมือการทำทีมที่โดดเด่น เป็นอัจฉริยะในการใช้สมอง วางแทคติกและแก้เกมอย่างหาตัวจับยากคนหนึ่งของวงการฟุตบอล และนอกจากนั้น เค้ายังมีบุคลิกที่ไม่เหมือนใคร การพูดจาสื่อสารที่ยียวนอย่างมีเอกลักษณ์ ทำให้เค้าโดดเด่นอย่างมาก ทั้งกับการคุมทีมและลีลาข้างสนาม แต่ด้วยเกียรติยศระดับถ้วยยูฟ่าแชมป์เปี้ยนลีก 2 ใบ บอลแชมป์ลีกอีก 8 สมัย ต่างกันตามประเทศมากมาย และอีก 15 ถ้วยชัยชนะฟุตบอล ตอกย้ำอย่างดีสำหรับฝีมือของเค้า แต่ประเด็นคือเค้ามีจุดอ่อนอยู่ที่ปีที่สาม อาถรรพ์นี้คืออะไรกันแน่?

อาถรรพ์ปีที่ 3 ที่ยังคงติดตัว โจเซ่ มูรินโญ่

น้ามูไม่เคยคุมทีมไหนได้มากกว่า 3 ปีติดต่อกันเลย ยกเว้นครั้งเดียวที่สนามแสตมฟอร์ดของเชลซี ครั้งแรกในการทำงานอังกฤษของเค้า ที่คุมยาวถึง 4 ปี นอกเหนือจากนั้น ไม่เค้าลาออกเองอย่างเต็มใจ ก็ต้องถูกไล่ออกอย่างสม่ำเสมอ จนเรียกได้ว่าอาถรรพ์ของเค้าไปแล้ว เท่านั้นไม่พอ เมื่อมองกันดูตามสถิติแล้ว การได้ถ้วยรางวัลต่าง ๆ ของน้ามู มักจะมาในยามเริ่มรับงานปีแรก หรือสองปีแรกเสมอ ประหนึ่งว่าพอเปลี่ยนทีมแล้วมีแรงไฟกระตุ้นมากมาย จนแทบจะพาทีมได้แชมป์ทุกครั้งที่เริ่มรับงาน จนเป็นที่ยอมรับกล่าวขานก็ว่าได้ ส่วนพอมาถึงปีที่ 3 นั้น จำนวนถ้วยและชัยชนะของเค้าเริ่มหดหายลงเกือบครึ่งประจำ ไม่ว่ากับปอร์โต้ เชลซี อินเตอร์มิลาน รวมทั้งมาดริดด้วยเช่นกัน ไม่เพียงแค่นั้นในปีที่ 3 หรือปีสุดท้ายไม่เพียงฝีมือและผลงานจะตกต่ำลง แต่ความสัมพันธ์ตึงเครียดก็มากเสมอ จนเค้าแทบจะไม่เคยจากกันดี ๆ เลยกับทีมใดเลย

สาเหตุและความเป็นไปได้

เมื่อกล่าวตอนท้าย เรื่องการแยกทางกันหลังปีที่สาม ของน้ามู ก็อาจจะเริ่มเดาได้ว่าทำไมต้องจบที่ปีนี้ เป็นได้ว่าเมื่อน้ามูคุมทีมไปนาน บุคลิกของเค้าก็เริ่มแสดงออกมากขึ้น และสร้างศัตรูมากขึ้น ในทั้งนักเตะของตัวเอง ห้องแต่งตัว หรือกับบอร์ดและฝ่ายบริหารของสโมสร ทั้งเรื่องค่าแรง การซื้อตัวและอื่น ๆ จนทำให้งานของเค้ายากกว่าเดิมนั่นเอง เราเลยสังเกตได้ว่าหลังจากได้แชมป์แล้ว นักเตะระดับดังจะมีปัญหาทะเลาะกับน้ามูเพราะว่าเบื่อในเรื่องการเข้มงวดและแผนการเล่น และน้าก็จะไปทะเลาะต่อกับบอร์ดเรื่องหานักเตะใหม่นั่นเอง

น้ามูเป็นโค้ชที่เยี่ยมมากแน่นอน ปีนี้กำลังคุมทีมผีแดงอยู่ปีที่ 3 และยังไม่ได้แชมป์เลย เราต้องมองว่าปีนี้จะทำลายอาถรรพ์ได้หรือไม่กันแล้ว