ถ้ามีลูกตั้งแต่วันที่ทีมหงส์แดงเป็นแชมป์ครั้งสุดท้าย ตอนนี้เด็กคนนั้นก็ต้องทำงานหรือมีครอบครัวไปแล้ว นั่นคือระยะเวลานานกว่า 30 ปีที่ลิเวอร์พูลเป็นแชมป์ลีกสูงสุดในช่วงที่พรีเมียร์ลีกยังไม่เคยเกิดขึ้น โดยช่วงเวลาที่ผ่านมานั้นพวกเขาต่างเฝ้ารอความสำเร็จในประเทศตัวเองมาตลอด และต้องอยู่ใต้ร่มเงาของคู่ปรับอย่างปีศาจแดงแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดเป็นระยะเวลานาน จนกระทั่งช่วงนึงที่พวกเขาขอแค่ทำอันดับไปแข่งยูฟ่า แชมเปียนส์ลีกให้ได้ก็พอ ก่อนที่การมาของผู้จัดการทีมชาวเยอรมันอย่าง เจอร์เก้น คลอปป์ที่ทำให้พวกเขาไปถึงฝั่งฝันได้สำเร็จอย่างสวยงาม

ช่วงตกต่ำของทีม

นับตั้งแต่วันที่ลิเวอร์พูลทีผู้จัดการทีมที่ชื่อว่าเคนนี่ ดัลกลิช ซึ่งเป็นคนสุดท้ายที่พาทีมคว้าแชมป์ได้สำเร็จ พวกเขาก็เปลี่ยนตัวโค้ชมาหลายต่อหลายคนทั้งแกรม ซูเนส รอย อีแวนส์ไปจนถึงราฟาเอล เบนิเตซ จนครั้งนึงที่คิงเคนนี่ต้องกลับมาคุมทีมอีกครั้ง แต่นั่นก็ไม่สามารถทำให้ทีมคว้าแชมป์ได้อีกเลย โดยเฉพาะช่วงปี 2003 ของเชอร์ราด์ อูลิเยร์ที่พวกเขาต้องพลาดการไปเล่นรายการยูฟ่าแชมป์เปี้ยนลีกส์ด้วยซ้ำเพราะพวกเขาจบฤดูกาลในอันดับที่ 5 และจากการแพ้ต่อเชลซีในนัดสุดท้ายไปอย่างน่าเสียดาย

ก่อนที่เหตุการณ์แบบนี้จะเกิดขึ้นซ้ำอีกเมื่อฤดูกาลสุดท้ายของราฟาเอล เบนิเตซที่ความมหัศจรรย์สมัยที่เขาพาทีมคว้าแชมป์ยูฟ่า แชมเปียนส์ลีกได้หมดลงไปแล้ว ทำให้เขาทำอันดับได้แค่ที่ 7 ก่อนที่รอย ฮอดจ์สันและเคนนี่ ดัลกริชจะมารับช่วงต่อ แต่ทีมก็ยังไม่สามารถกลับไปลงแข่งในรายการใหญ่ประจำทวีปยุโรปได้เสียที จนกระทั่งการมาของเบรเดน รอดเจอร์ส ที่เกือบทำให้พวกเขาคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกได้สำเร็จหากว่าพวกเขาไม่พลาดในช่วงสี่นัดสุดท้ายของฤดูกาลและทำให้แมนเชสเตอร์ ซิตี้ที่ตกเป็นรองมาตลอดเกือบทั้งซีซั่น ปาดหน้าคว้าแชมป์ไปแบบน่าเจ็บใจ

การมาของเจอร์เก้น คลอปป์

ฝันร้ายของลิเวอร์พูลต้องใช้เวลารักษาอยู่นานพอควร เพราะว่าการมาของกุนซือชาวเยอรมันไม่อาจจะเปลี่ยนแปลงทีมได้ในช่วงข้ามคืนแต่พวกเขาก็มีความหวังมากขึ้น เพราะในฤดูกาลแรกที่เขาลงแข่งก็สามารถไปถึงรอบชิงชนะเลิศในรายการยูฟ่า ยูโรป้าคัพแต่พวกเขากลับต้องพ่ายแพ้ต่อเซบีย่าไป 3-1 จนเป็นได้แค่รองแชมป์เท่านั้น ก่อนที่ฝันร้ายของเขาจะยังไม่จบเมื่อปีต่อมาก็ทำได้เพียงเป็นรองแชมป์ยูฟ่า แชมเปียนส์ลีกในแมตช์ที่ผู้รักษาประตูอย่างคาริอุสจะต้องจดจำไปอีกนาน และแล้วความสำเร็จของนายใหญ่ชาวเยอรมันก็มาถึงเมื่อในฤดูกาล 2018-2019 พวกเขาสามารถเอาชนะท็อตแนม ฮอสเปอร์จนคว้าแชมป์ถ้วยใหญ่ของยุโรปไปได้เป็นสมัยที่ 6 แม้ว่าในฤดูกาลเดียวกันพวกเขาจะพลาดท่าเป็นได้แค่รองแชมป์พรีเมียร์ลีกเท่านั้น โดยมีแต้มห่างจากแมนเชสเตอร์ ซิตี้แค่เพียง 1 คะแนนเท่านั้น แต้มห่างแค่นี้เรียกว่านักพนันทีมแชมป์มีทั้งยิ้มและโกรธเคืองเลยทีเดียว

แต่แล้วการรอคอยของเดอะ ค็อปก็จบลงเมื่อฤดูกาล 2019-2020 พวกเขาสามารถคว้าแชมป์ลีกสูงสุดได้สำเร็จจากมาตรฐานที่แข็งแกร่งของพวกเขาที่แพ้แค่ 3 นัดและเก็บไปได้ถึง 99 แต้ม เป็นทีมอันดับหนึ่งแบบรวดเดียวจบได้อย่างสมศักดิ์ศรีและชื่อของเจอร์เก้น คล็อปป์จะถูกจดจำไปอีกนานเลยทีเดียว

แม้ว่าการฉลองของพวกเขาจะจืดชืดกว่าทุกปีเนื่องจากสถานการณ์ในโลกปัจจุบันที่ยังมีโรคระบาดไปแทบทุกพื้นที่ และฤดูกาลจะต้องแข่งขันกันนานกว่าปกติ เพราะมีการพักไปกว่า 3 เดือน แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้แฟนของลิเวอร์พูลจะต้องเสียใจอะไร เพราะถ้วยสำคัญที่พวกเขาห่างเหินมานานได้มาสู่อ้อมกอดของเขาแล้ว และก้าวต่อไปของเขาก็คือจะทำอย่างไรถึงจะกลับมาคว้าแชมป์แบบนี้ได้อีกครั้ง ซึ่งในอนาคตอาจจะเป็นชื่อของทีมลิเวอร์พูลอีกครั้งที่เป็นผู้นำในฐานะสโมสรที่คว้าแชมป์ลีกได้มากที่สุดบนเกาะอังกฤษ