Tag: เชลซี (page 1 of 1)

แข้งล้นทีม ปล่อยยืมล้นโลก

คริสเตียน พูลิซิชเซ็นสัญญาย้ายทีมเข้าเป็นสมาชิกของสโมสรเชลซี แต่เขาจะกลับไปเล่นให้ดอร์ทมุนด์ต้นสังกัดเก่าแบบยืมตัว มันตลกตรงที่พูลิซิชเป็นแข้งรายที่ 42 ของเชลซีที่ปล่อยให้สโมสรอื่นยืมตัวไปเล่นในขณะนี้

ผู้เล่นอายุน้อยจำนวนมากจากทั่วโลกถูกเชลซีดึงมารวมทีมด้วยเหตุผลว่า แมวมองของเชลซีคิดว่าเด็กเหล่านี้มีพรสวรรค์มากพอที่จะเติบโตมาเป็นกำลังให้ทีมในอนาคตได้ แต่ในเมื่อยังไม่สามารถเบียดขึ้นสุ่ทีมชุดใหญ่ พวกเขาก็ต้องป้องกันไม่ให้เด็ก ๆ ขาดพัฒนาการ การส่งเด็กไปเล่นในสโมสรอื่นแบบยืมตัวจะช่วยให้พวกเขาพัฒนาตัวเองขึ้นมาจากโอกาสที่ได้ลงเล่น นับเฉพาะในตอนนี้ แข้งเชลซีที่ถูกยืมตัวไปใช้งานมีถึง 42 รายใน 11 ประเทศ 21 รายในอังกฤษ 1 รายในสก๊อตแลนด์ 1 รายในไอร์แลนด์เหนือ 4 รายในฮอลแลนด์ 2 รายในเยอรมัน 1 รายในเบลเยี่ยม 1 รายในเซอร์เบีย 2 รายในฝรั่งเศส 3 รายในอิตาลี 4 รายในสเปนและ 1 รายในบราซิล แต่ในจำนวนนี้เป็นการยืมตัวแบบเป็นทางการเพียง 18 รายเท่านั้น

เหตุผลที่สโมสรเชลซีกวาดต้อนแข้งเหล่านี้เข้าสู่สโมสรได้จำนวนมากก็เพราะพวกเขามีเครือข่ายแมวมองอยู่ทั่วโลก และเพราะไม่ได้มีแค่พวกเขาสโมสรเดียว ทำให้พวกเขากลัวว่าถ้าพวกเขาได้รู้ว่าเด็กคนหนึ่งมีพรสวรรค์สูงพอพัฒนาได้ ถ้าไม่คว้าเข้าทีมก็ต้องโดนทีมอื่นคว้าไปแน่นอน ดังนั้นเหตุผลหลักที่เชลซีดึงเด็ก ๆ เข้าทีมมากก็เพราะ หนึ่ง พวกเขาอาจจะได้เพชรเม็ดงามและสอง ทีมอื่นจะได้ไม่คว้าเอาไป

ในขณะเดียวกันสโมสรอย่างแมนเชสเตอร์ ซิตี้ก็มีผู้เล่นที่ปล่อยยืม 11 ราย ลิเวอร์พูล 6 ราย เอฟเวอร์ตัน 13 ราย วูล์ฟแฮมตัน 14 ราย โดยไม่มีสโมสรไหนเลยในพรีเมียร์ลีกที่ไม่มีนักเตะปล่อยยืมตัว ถึงอย่างนั้นก็ไม่ใช่ว่าจะเป็นแค่ในอังกฤษ เพราะทีมใหญ่ในลีกอื่น ๆ ก็มักเป็นผู้เล่นดาวรุ่งเข้าสโมสรแล้วปล่อยยืมเช่นกัน ตัวอย่างเช่น โมนาโกในลีก เองที่ปล่อยยืม 9 ราย หรือในลา ลีก้า สเปน ก็มีทีมปล่อยยืมจาก 18 ทีมมากถึง 85 คน

ฟีฟ่าเองเห็นอันตรายในเรื่องนี้และพยายามที่จะเข้ามาจัดการ การกำหนดหลักเกณฑ์อย่างเช่นการจำกัดจำนวนนักเตะที่ย้ายแบบยืมตัวในคราวเดียวกันจะต้องไม่เกิน 8 รายถูกขู่จะนำมาใช้ แต่ฟีฟ่าก็ยังลงมือไม่ได้เพราะมันไม่ใช่แค่เรื่องการควบคุมปริมาณนักเตะของแต่ละสโมสรเท่านั้น หากแต่ยังกระทบไปถึงแนวทางบริหารเชิงธุรกิจของสโมสรด้วย

หลายสโมสรเล็กยินยอมพร้อมใจที่จะขายผู้เล่นที่มีคุณภาพและมีอนาคตของพวกเขาให้ทีมใหญ่ โดยมีเงื่อนไขขอยืมตัวไว้ใช้งาน เป็นการวิน-วินทั้งสองฝ่าย เพราะสโมสรใหญ่ก็สามารถซื้อดาวรุ่งในราคาถูกและสามารถดึงมาใช้งานได้หากพวกเขาพัฒนาฝีเท้าขึ้นมา ขณะที่ทีมเล็กก็ได้เงินแถมยังมีนักเตะใช้งาน ส่วนนักเตะก็ได้โอกาสในการแสดงฝีเท้าอย่างมีเป้าหมาย

มันยังเป็นเรื่องยากของฟีฟ่าที่จะจัดการเรื่องนี้ เพราะลึกลงไปแล้วสโมสรต่างก็พึ่งพาอาศัยกันอยู่ การจะมาหักดิบจำกัดจำนวนผู้เล่นเพื่อให้เกิดสมดุลในระบบฟุตบอลนั้นน่าจะไม่ใช่ทางออกที่ถูก นักเตะเองก็รู้ว่าพวกเขาอยู่บนเส้นทางเสี่ยงโชค ถ้าพวกเขามีโอกาสได้ลงเล่นให้ทีมใหญ่ก็มีสิทธิ์ได้ทั้งชื่อเสียงและรายได้ที่ดีกว่า เมื่อถูกเล็งโดยทีมใหญ่ ใครล่ะจะไม่ยากเสี่ยงวัดดวงดู

 

คริสเตียน พูลิซิช เด็กน้อยผู้เทใจให้ทีมนอกลีก

กลายเป็นข่าวฮือฮาว่าคริสเตียน พูลิซิชตัดสินใจย้ายมาร่วมทีมเชลซีในฤดูกาลหน้าเรียบร้อย แต่นี่ไม่ใช่เรื่องราวฟุตบอลในแผ่นดินผู้ดีหนแรกของหนุ่มน้อยสัญชาติอเมริกัน เพราะเขามีความผูกพันกับการเตะลูกหนังที่แบร็กเล่ย์ ทาวน์มาก่อน

พูลิซิซ กองหน้าดาวรุ่งสัญชาติอเมริกันมาทำอะไรที่อังกฤษ?

เรื่องนี้ต้องเล่าย้อนไปว่าเขาเกิดที่เพ็นซิลวาเนียในสหรัฐอเมริกา ในครอบครัวที่มี แต่พออายุได้เจ็ดขวบ เคลลี่ ผู้เป็นแม่ได้รับทุนแลกเปลี่ยนให้มาเรียนและทำงานที่อังกฤษ​ พวกเขาทั้งครอบครัวตัดสินใจย้ายมาอยู่อังกฤษ และพูลิซิชน้อยก็ได้หัดเล่นฟุตบอลครั้งแรกที่สโมสรแบร็กเล่ย์ ทาวน์ ทีมท้องถิ่นในน็อธแธมตันเชียร์ตั้งแต่ตอนนั้น

โค้ชโรบิน วอล์กเกอร์ ผู้ดูแลทีมในช่วงดังกล่าวกลายมาเป็นเพื่อนสนิทกับครอบครัวพูลิซิชจนถึงปัจจุบัน เขาพาคริสเตียนไปเล่นทัวร์นาเม้นท์ต่าง ๆ และทำให้เจ้าหนูตกหลุมรักฟุตบอลหัวปักหัวปำ ไม่ว่าจะวันเรียนหรือวันหยุด คริสเตียน พูลิซิชจะหิ้วลูกบอลวิ่งออกไปยังสนามเด็กเล่นและเตะบอลกับเด็กทุกรุ่นอายุ ตอนนั้นครอบครัวพูลิซิชได้พาเขาไปดูสโมสรต่าง ๆ ทั้งแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด, ท็อตแน่ม ฮอทสเปอร์ และสโมสรในระดับล่างอีกหลายสโมสร แต่พูลิซิชไม่ชอบทีมไหนเลยเพราะตอนนั้นทีมอันดับหนึ่งในดวงใจของเขาหนีไม่พ้นแบร็กเล่ย์ เอฟซี ทีมท้องถิ่นประจำเมืองที่อยู่ในดิวิชั่น 10 ของฟุตบอลอังกฤษ พูลิซิชอยู่กับทีมเยาวชนของสโมสรจนกระทั่งเขาเดินทางกลับอเมริกา ในปี 20

มาร์ก พูลิซิช อดีตผู้เล่นมหาวิทยาลัยได้งานผู้จักการทีมฟุตบอลในร่มที่มิชิแกน ครอบครัวพูลิซิชย้ายมายังมิชิแกน และพูลิซิชก็ได้เล่นให้ทีมมิชิแกน รัช ก่อนจะกลายเป็นนักเตะของศูนย์พัฒนาฝีเท้าที่ดูแลโดยสมาคมฟุตบอลของอเมริกา ซึ่งตอนนี้เองที่ความสามารถของพูลิซิชเริ่มถูกกล่าวถึงและไปเข้าตาแมวมองของโบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์

ดอร์ทมุนด์ไปค้นหาจนพบว่าคุณปู่ของพูลิซิชเป็นชาวโครเอเชีย ทำให้เขาเข้าเงื่อนไขที่จะไม่ต้องขอวีซ่าทำงาน เมื่อรู้แบบนี้สโมสรเมืองเบียร์ก็บุกถึงบ้านเพื่อยื่นข้อเสนอให้คริสเตียน พูลิซิชเข้าสู่อะคาเดมี่ของทีมเสือเหลือง และยินดีรับมาร์กเข้าเป็นสต๊าฟโค้ชของรุ่นต่ำกว่า 10 ปีให้สโมสรด้วย นั่นทำให้ครอบครัวพูลิซิชย้ายบ้านอีกครั้งจากอเมริกากลับสู่ยุโรป พูลิซิชเข้าร่วมอะคาเดมี่รุ่นอายุไม่เกิน 16 ปี และอย่างที่รู้กันเขากลายเป็นผู้เล่นทีมชุดใหญ่ของเสือเหลืองด้วยวัยเพียง 17 ปี ในเดือนมกราคม 2016 เขาก็ได้ลงเล่นเกมแรกให้ดอร์ทมุนด์ หลังจากที่โธมัส ทูเคิ่ล ผู้จัดการทีมไว้ใจในฝีเท้าของเขาว่าสูงพอ

สองเดือนต่อมาหลังจากลงเล่นนัดแรกในบุนเดสลีก้ากับอิงโกลสตัด เจอร์เก้น คลิ้นสมันน์ เฮดโค้ชทีมชาติสหรัฐก็เรียกตัวพูลิซิชขึ้นสู่ทำเนียบทีมชาติด้วยการลงเล่นเวิร์ลด์ คัพรอบคัดเลือกกับกัวเตมาลา

ชีวิตของพูลิซิชในเกมลูกหนังพาเขาไปไกลมาก ก่อนที่เชลซีจะตัดสินใจทุ่มซื้อเขามาร่วมทีมในฤดูกาลหน้าด้วยค่าตัว 58 ล้านปอนด์ ทำให้พูลิซิชจะได้กลับมายังจุดเริ่มต้นของตัวเองอีกครั้ง บางทีวันว่าง ๆ เขาอาจจะเลือกไปเยือนถิ่นเก่าที่แบร็กเล่ย์ ทาวน์และเตะบอลในสนามเด็กเล่นอีกสักทีก็เป็นได้