Tag: แมนเชสเตอร์ ซิตี้ (page 1 of 1)

ความสำเร็จของเป็ป กวาร์ดิโอล่า กับความท้าทายที่ไม่รู้จุดจบ

หลังแมทช์การแข่งขันฟุตบอลเอฟเอคอมมิวนิตี้ชิลด์ 2019 จบลง เป็ป กวาร์ดิโอล่าก็พาทีมชูถ้วยอีกครั้งหลังเอาชนะ ลิเวอร์พูลลงได้ในการดวลจุดโทษ นับว่าเป็นการเริ่มต้นอย่างสวยงามในการเตรียมทีมแข่งขันพรีเมียร์ลีก 2019/2020 ที่กำลังจะเริ่มต้นขึ้น สัญญาของเขาจะหมดลงในปี 2021 และเป็นไปได้ว่าเขาจะได้รับการต่อสัญญาเพิ่มอีก 5 ปี ด้วยจำนวนเงินที่สูงถึง 100 ล้านปอนด์

จากการที่เป็ป กวาร์ดิโอล่า เข้ามาคุม แมนเชสเตอร์ ซิตี้ หลังจากได้ลาออกจากการคุม บาเยิร์น มิวนิค ในปี 2016 นั้น เขาไม่สามารถทำให้แมนเชสเตอร์ ซิตี้ คว้าถ้วยใด ๆ ได้เลยในปีแรกที่คุมทีม แต่นำแมนเชสเตอร์ ซิตี้ คว้าสองถ้วยคือ แชมป์ลีกและคาราบาวคัพ ในปี 2017/2018 ต่อจากนั้นเป็ป กวาร์ดิโอล่า ก็ประกาศศักดานำทีมคว้าทริปเปิ้ลแชมป์มาครองได้สำเร็จ นั่นคือ แชมป์ลีก คาราบาวคัพ และเอฟเอคัพ ในปี 2018/2019

                อดีตผู้จัดการ บาเซโลน่า ยักษ์ใหญ่แห่งลาลีกาสเปน ในปี 2008 เป็ป กวาร์ดิโอล่าก็ได้พาทีมบาซ่าคว้าสามถ้วยในปี 2008/2009 ปีแรกที่เขาเข้ามาคุมทีมได้เลย คือถ้วยลาลีกา โคปาเดลเรย์ และยูฟ่าแชมป์เปี้ยนลีก หลังจากนั้นเขายังประสบความสำเร็จด้วยการกวาดถ้วยทั้งหมด 14 ถ้วยในการคุมทีมของเขา แต่ปี 2011/2012 เขากลับล้มเหลว ไม่สามารถพาทีมคว้าถ้วยใด ๆ ได้เลยทั้งลาลีกา และยูฟ่าแชมป์เปี้ยนลีกที่ตกรอบรองชนะเลิศโดยทำได้แค่เสมอเชลซี ทีมดังแห่งอังกฤษในบ้านแคมป์นู ซึ่งประตูได้เสียเป็นรอง

หลังจากตกรอบแชมป์เปี้ยนลีกไป เป็ป กวาร์ดิโอล่า ก็ได้ประกาศลาออกจากผู้จัดการทีม ทำให้เขาว่างเว้นจากการคุมทีมไปในช่วงเวลาหนึ่ง แต่เพียงปีเดียว เป็ป กวาร์ดิโอล่าก็ได้รับการเซ็นสัญญาคุมทีม บาเยิร์น มิวนิค ยักษใหญ่แห่งเยอรมัน และฉายแววอัจฉริยะของผู้จัดการทีมอีกครั้ง โดยการพาทีม บาเยิร์น มิวนิคคว้าถ้วยแชมป์บุนเดสลีกาสามปีซ้อน อีกทั้งยังคว้าถ้วยเดเอฟเอส โพคาลอีก 2 ครั้งในปี 2013/2014 และ ปี 2015/2016 เขาได้ลาออกจากบาเยิร์น มิวนิค เพื่อหาความท้าทายใหม่ ในปีเดียวกันนั้น เขาได้รับการเซ็นสัญญาคุมทีม แมนเชสเตอร์ ซิตี้ แห่งอังกฤษและนำ แมนเชสเตอร์ ซิตี้กลับมาผงาดบนเวทีพรีเมียร์ลีกจนถึงปัจจุบัน และมีแนวโน้มว่าจะได้รับการต่อสัญญาออกไปอีกแน่นอน

                 นับว่าเป็ป กวาร์ดิโอล่า เป็นผู้จัดการทีมที่ประสบความสำเร็จมากคนหนึ่งในโลก ดูเหมือนว่าเส้นทางการเป็นผู้จัดการทีมของเขาจะยังอีกยาวไกล ความสำเร็จยังรอให้เขาพิสูจน์อีกมาก ด้วยอายุที่ยังน้อยบนเส้นทางสายนี้ แต่เขาสะสมประสบการณ์ในการคุมสโมสรระดับโลกทั้งสิ้น น่าติดตามเหลือเกินว่าจะมีความสำเร็จใดให้ เป็ป กวาร์ดิโอล่าไล่ล่าได้อีก นับว่าเป็นความท้าทายในชีวิตผู้จัดการทีมของเขาโดยแท้

ซิตี้ 4 แชมป์ ความเป็นไปไม่ได้ที่อาจเป็นไปได้

“หนึ่งในคำถามที่ผมถูกถามบ่อยมากคือ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ จะมีโอกาสคว้าแชมป์ทั้ง 4 รายการได้มากแค่ไหน ซึ่งในฐานะผมเป็นคนของ ยูไนเต็ด ที่ก่อนหน้านี้ผมออกตัวมาตลอดว่าอยากเห็น ซิตี้ เป็นแชมป์พรีเมียร์ลีก ดีกว่าให้ลิเวอร์พูลได้แชมป์แรก ตอนนี้ผมคงบอกได้แต่เพียงว่า บางทีผมอาจต้องยอมเลือกข้างใหม่เสียแล้ว” นี่คือคำกล่าว ไรอัน กิ๊กส์ ตำนานปีกพ่อมดของสโมสร แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด

                ปัจจุบัน โปรแกรมการแข่งขันฟุตบอลทั่วยุโรป ในฤดูกาล 2018/2019 ได้ดำเนินมาถึงช่วงท้ายฤดูกาลเป็นที่เรียบร้อย ซึ่งสโมสรแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ถือเป็นหนึ่งในสโมสรที่มีฟอร์มการเล่นร้อนแรงมากที่สุดในยุโรป โดยก่อนหน้านี้พึ่งชนะสโมสร
 เชลซี ไป จนคว้าแชมป์ลีกคัพมาครองได้ในที่สุด และยังอยู่บนเส้นทางของการที่จะคว้าแชมป์ทุกรายการที่ลงแข่งขัน

                ยิ่งไปกว่านั้น ดูเหมือนว่าเส้นทางแห่งการคว้าแชมป์จะโรยด้วยกลีบกุหลาบ เมื่อล่าสุด แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ได้ตกรอบฟุตบอลถ้วย เอฟเอคัพ เป็นที่เรียบร้อย เท่ากับว่าเหล่าทีมชั้นนำทั้งหลายได้พากันตกรอบจนเหลือแค่ ซิตี้ ทีมเดียวที่เป็นทีมระดับตัวเต็งที่เหลืออยู่ในรายการนี้ แถมในเส้นทางรายการยุโรป ก็ยังโคจรมาเจอกับทีมรู้จักกันดี และไม่ถือว่าแข็งจนเกินไปอย่าง ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์

                แล้ว เป๊ป กวาร์ดิโอล่า มีโอกาสแค่ไหนในการที่จะพา ซิตี้ คว้า 4 แชมป์ได้ในฤดูกาลเดียว

                ถ้าตามประวัติศาสตร์ที่ผ่านมา ก็ต้องเรียนตามตรงว่าค่อนข้างยาก เนื่องจากอย่าว่าแต่ 4 แชมป์เลย แค่เพียง
ทริปเปิ้ลแชมป์ ก็ถือว่ายากมากแล้ว เพราะจากในอดีตที่ผ่านมามีสโมสรจากอังกฤษเพียงทีมเดียวที่เคยทำได้ นั่นคือ สโมสรคู่แข่งร่วมเมืองอย่าง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เมื่อปี 1999 ซึ่งเวลาก็ได้ผ่านล่วงเลยมากว่า 20 ปี ยังไม่มีสโมสรไหนในประเทศที่สามารถทำลายสถิตินี้ได้เลย

                โดยเหตุผลที่ทำให้เป็นเรื่องยากลำบากในการที่จะทำลายสถิติคือจำนวนเกมการแข่งขัน ที่หากรายการบอลถ้วยยิ่งผ่านเข้ารอบลึกเท่าไหร่ ยิ่งต้องลงเล่นถี่ขึ้นในช่วงท้ายฤดูกาล ทำให้นักเตะเกิดอาการล้าและไม่สามารถโชว์ศักยภาพออกมาได้อย่างเต็มที่ แถมโดยเฉพาะในประเทศอังกฤษที่มีการแข่งขันให้เข้าร่วมได้ถึง 4 รายการ ทำให้เป็นเรื่องยากที่จะคุมผลการแข่งขันให้ออกมาตามแผนที่วางไว้

                แต่หากมองถึงในแง่ฟอร์มอันร้อนแรงของ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ นั้น จะมีใครกล้าปฏิเสธว่าไม่มีโอกาสเป็นไปได้ เพราะตลอดการลงเล่นตลอดฤดูกาลที่ผ่านมา ซิตี้ มีสถิติในการยิงประตูคู่แข่งเฉลี่ยทุกๆ 31 นาที คิดเป็นค่าเฉลี่ยการยิงประตูอยู่ที่
 2.9 ประตูต่อเกม โดยมีโอกาสยิงเฉลี่ยต่อเกม 17.7 ครั้ง และทั้งหมดนั้นอยู่ภายใต้การครองบอลเฉลี่ยถึง 63 เปอร์เซ็นต์ต่อเกม

                ฉะนั้น หากมองที่ฟอร์มการเล่นและสถิติในปัจจุบัน ก็ต้องถือว่ายังมีโอกาสที่ ซิตี้ อาจเป็นทีมแรกที่สร้างประวัติศาสตร์ให้กับวงการฟุตบอลอังกฤษได้สำเร็จ ในทางกลับกันหากมองถึงอดีตที่เคยมีมา ก็ต้องถือว่าเป็นเรื่องยากที่จะเกิดขึ้น แต่ต้องไม่ลืมว่า  เรื่องที่ใครๆบอกว่ายาก กุนซือคนปัจจุบันอย่าง เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ก็พึ่งทำสำเร็จมาแล้ว ด้วยการพา แมนเชสเตอร์ ซิตี้ สร้างประวัติศาสตร์เป็นทีมแรกในวงการฟุตบอลอังกฤษ ที่คว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกด้วยคะแนนสูงถึง 100 คะแนน เมื่อฤดูกาลก่อน