Archives (page 6 of 6)

นักฟุตบอลดูแลสุขภาพตัวเองอย่างไรบ้าง?

ถ้าจะถามว่าคนเราคิดถึงอะไรเมื่อพูดถึงนักฟุตบอล กับการเตะบอลที่แข่งขันกันและถ่ายทอดสดผ่านทางทีวี คำตอบก็คงจะเป็นการเล่นที่เร่าร้อนบนสนามหญ้า การแสดงลีลา ทักษะ ลวดลาย และยิงประตูสวย ๆ นั่นเอง แต่คำตอบพวกนี้ก็มักจะทำให้หลายคนลืมความจริงอีกด้านของนักฟุตบอลไป นั่นก็คือ นักบอลมีอีกชีวิตหนึ่ง นอกสนามเช่นกัน ที่ต้องดูและเพื่อจะเตะบอลได้ ชีวิตอีกด้านคือชีวิตธรรมดา กิน นอน พักผ่อน แต่ทว่ามีความลับและความเคร่งของชีวิตด้านนี้ที่น่าสนใจด้วย และหนึ่งในด้านนี้นี่เอง ที่สามารถส่งผลกับนักบอลให้รุ่งหรือดับ หรือรุ่งแล้วดับก่อนวัยอันควรได้เลยทีเดียว วันนี้เราอยากให้ได้มาลองชมมุมหายากนี้กันสักหน่อย

การนอนหลับพักผ่อน

ถ้าจะถามนักฟุตบอลว่าทำไมเล่นเก่ง หลายคนคงจะตอบว่าฝึกซ้อม ฝึกซ้อม แล้วก็ฝึกซ้อม แต่ถ้าถามลงลึกไปอีกคือ แล้วทำไมจึงฝึกซ้อมได้เยอะแบบนี้ คำตอบคือ การนอนหลับพักผ่อนนั่นเอง เคล็ดลับคือ ก่อนจะถึงวันซ้อม นักบอลที่เก่งควรจะนอนหลับให้พอเพียงมากถึง 8 ชั่วโมงต่อคืนเลยทีเดียว ทั้งนี้ก็เพื่อเพิ่มสมรรถนะให้กับการฝึกซ้อมที่สดใส มีพลังและพร้อมเต็มที่  ที่จริงบางคนถึงกับ มีการนอนกลางวัน ภาคบ่าย เพิ่มอีก 1- 2 ชั่วโมงด้วยซ้ำ แต่ว่า 8 ชั่วโมงค่อนข้างพอเหมาะแล้ว นอกจากนั้นการเล่นบอลปกติมักจะช่วงหัวค่ำ หรือ การแข่งขันเวลาเย็นบ้านเค้า เวลาของการกลับถึงบ้านของนักบอลจึงยิ่งดึก ดังนั้น การนอนอาจจะดึกไปด้วย บางคนเลยนอนจนสาย และถ้าหากนอนหลับไม่พอแล้ว การเล่นจะส่งผลอย่างเห็นได้ชัดแน่นอน

การกิน และมื้ออาหาร

สิ่งต่อไปที่จำเป็นสำหรับด้านชีวิตปกติของนักบอลก็คือการกิน และเมนูอาหารที่จริงสำหรับคนธรรมดาด้านนี้ก็เรียกว่าสำคัญอยู่แล้ว เพราะว่าชีวิตการทำงาน การเรียนหนังสือ ขนาดแค่ใช้สมอง ไม่ได้ใช้ร่างกายยังต้องกินดี กินคลีนเลย แล้วสำหรับนักบอลระดับโลก คงจะยิ่งไปกว่านั้นหลายเท่า ดังนั้น นักบอลชอบทานอาหารประเภทอะไรบ้าง คำตอบคือ  พาสต้าไก่ เพราะว่ามีทั้งแป้งและเนื้อแบบไม่ค่อยมีไขมัน และบางครั้งก็เนื้อปลาด้วย ฟังดูเหมือนอาหารของคนปกติชัด ๆ นี่หน่า ก็ถูกต้องเพราะว่านักบอลก็ปกติ แต่ว่าวันไหนมีการเตะบอลที่บ่ายหรือเช้าหน่อย คืนก่อนหน้ามื้อนั้นจะต้องกินเผื่อไว้เยอะหน่อย เพราะว่าตอนเช้าจะกินไม่ค่อยได้มากก่อนจะลงเตะนั่นเอง ตอนก่อนจะลงเล่นเกมสำคัญนักบอลจะคุมอาหารในวันนั้นไม่ให้อึดอึด ดังนั้นสโมสรจะเตรียมอาหารเบา ๆ เช่น กล้วย และ นม หรือขนมหวาน และที่สนามตอนเดินทางไปพร้อมลงเตะ ถ้าต้องคิดว่ากินอะไรอีกหน่อย ก็จะมีอาหารรูปแบบเป็นแท่ง หรือเจลสำหรับนักกีฬา ที่วงการวิทยาศาสตร์กีฬาคิดค้นมาให้เลย

ได้ยินแบบนี้แล้ว ถ้าอยากเป็นนักฟุตบอลที่เก่ง ก็ต้องลองนำไปปรับใช้กันให้ดี ที่จริงแล้ว แค่กินให้ครบ 5 หมู่ ครบ 3 มื้อ ในปริมาณที่เพียงพอ ฝึกซ้อมอย่างพอดี นอนหลับให้พอ ก็คล้ายกับกิจวัตรเหมือนนักเตะเลย ทีนี้เราอาจจะเล่นบอลเก่งขึ้นก็ได้

 

จะทำตัวยังไงดีเมื่อต้องเป็นยิงจุดโทษให้ทีม?

หลาย ๆ คนที่เป็นแฟนบอล หรือแม้แต่ตัวนักฟุตบอลเอง คงจะจดจำภาพที่ระทึกใจและบีบหัวใจสุด ทุกครั้งที่ชมการถ่ายทอดสดฟุตบอล โดยเฉพาะเมื่อถึงการดวลกันด้วยใจและความนิ่ง ในช่วงเวลาที่เรียกว่า การตัดสินยิงจุดโทษ หลังจากที่ทั้งสองทีมเสมอกันในเวลาปกติ และไม่สามารถหาผู้ชนะได้ หรือบางโอกาสระหว่างเกมที่มีการทำฟาวล์ในเขตโทษจนกรรมการเป่าปรี๊ดให้ลูกโทษทันที เรียกได้ว่าไม่ว่าจะลูกจุดโทษแบบไหน การเป็นนักเตะที่รับอาสายิงน่าจะเป็นงานที่กดดัน และต้องใช้สภาพจิตใจแข็งแกร่งไม่น้อย ดังนั้น หากเวลาเล่นฟุตบอลจริง ๆ ของคุณเองต้องเจอกับสถานการณ์นี้ เราจะทำอย่างไรได้บ้าง เป็นคำถามที่ดีสำหรับเรืองทีเลยทีเดียว

ฝึกซ้อมการยิงจุดโทษให้เยอะ ๆ ล่วงหน้า

ถึงแม้ว่าคุณจะเป็นนักบอลที่เก่งแค่ไหน หรือแม้แต่เล่นตำแหน่งศูนย์หน้ามือหนึ่ง ยิงประตูแม่นราวกับจับวาง แม้แต่มุมต่าง ๆ ของประตูก็เลือกได้เลย อย่าคิดล่ะว่าการยิงจุดโทษจะง่ายแบบนั้น เพราะว่าในการเล่นเวลาปกติเกมเปิดไปเรื่อย ไม่ได้มีความกดดันถาโถมเข้ามาเหมือนกับการหยุดเวลา แล้วให้ทุกคนในสนาม กองเชียร์ ทั้งเพื่อน ทั้งคู่แข่ง ทั้งกรรมการ มาหยุดดูคนยิงคนเดียว แถมในสมองก็มักจะมีความคิดลังเล การกลัวยิงไม่เข้า หรือต้องมีเวลาให้คิดเดาใจการพุ่งไปของนายทวาร ดังนั้น สิ่งที่ดีที่สุดคือ การซ้อมยิงจุดโทษบ่อย ๆ ยิ่งถ้ารู้ว่าจะมีการแข่งขันที่ต่อเวลาได้ ยิ่งต้องซ้อมหนัก การซ้อมก็ไม่ยากหานายทวารมา เล่นเดาใจวางลูกแล้วยิงให้บ่อยที่สุด เล่นลองทุกมุม ทุกความแรง และรูปแบบการยืนการวางเท้า แล้วคุณจะเพิ่มโอกาสยิงเข้าแน่นอน

เอาชนะตัวเองในหัวและในความคิด

สิ่งต่อไปเรียกว่าสำคัญไม่น้อยกว่าสิ่งที่มองเห็นแล้วซ้อมได้เลย นั่นคือการบอกและสั่งความคิดในสมองของตัวเองให้คิดไปในทางบวก และเสริมสร้าง ไม่ใช่ลังเล ขาดความมั่นใจ จนทำให้ร่างกายเปลี่ยนแปลงตามไปด้วย วิธีนี้ทำได้ไม่ยากคือ ให้จินตนาการตัวเองว่ายิงเข้าไว้ก่อน นี่หมายความว่า ตอนก้าวไปยิงจุดโทษ ขอให้มีภาพในหัวว่า บอลมันเข้าไปตุงตาข่าย และแน่นอนว่าเข้าเสมอ ๆ ต่อไปก็นึกภาพการฉลองความยินดีส่วนตัวไว้ด้วย เช่น จะวิ่งไปกระโดดที่ไหน จะยกมือข้างไหนไปบนฟ้าดี รวมทั้งจะไปแสดงความดีใจกับแฟน ๆ ข้างหลังหรือเปล่า ทั้งหมดนี้จะช่วยให้คนยิงไม่คิดเรื่องไม่ดีไปก่อนนั่นเอง

เมื่อลองทั้ง 2 วิธีนี้แล้ว ก็ขอให้นำไปใช้ปรับปรุงการเล่นฟุตบอลดูโดยเฉพาะเมื่อทีมได้ลูกจุดโทษ เราอาจจะอาสาตัวเองเป็นผู้ยิงเลยก็ได้  หรือไม่ในทางตรงข้าม ยามที่กำลังดูบอลและมีลูกจุดโทษขอให้จินตนาการตามไปด้วย อาจจะไม่ตื่นเต้นเกินไปอีกเลยก็ได้

 

ทีมไหนเป็นตัวเก็งพรีเมียร์ลีก ฤดูกาล 2018 – 2019 หนนี้?

การแข่งขันฟุตบอลรายการพรีเมียร์ลีกอังกฤษ เป็นการแข่งขันฟุตบอลลีกที่เรียกได้ว่าโด่งดังและมีชื่อเสียงที่สุดสำหรับแฟนบอลในประเทศไทย สำหรับฤดูกาลล่าสุดในปี 2018 – 2019 นี้ เรียกได้ว่านับวันยิ่งจะทวีความเข้มข้นในการขับเคี่ยวลุ้นแชมป์กันมากขึ้นเรื่อย ยิ่งในปีที่จะถึงนี้ ที่เพิ่งจะจบการแข่งขันฟุตบอลโลกล่าสุดที่ประเทศรัสเซีย 2018 มาหมาด ๆ ก็ยิ่งจะทำให้อารมณ์ ความอิน และความต้องการเสพฟุตบอลของแฟน ๆ ยังอยู่ในใจต่อเนื่อง ดังนั้น สำหรับพรีเมียร์ลีกอังกฤษที่เพิ่งเริ่มเปิดฉากแข่งขันไปนั้น จะมีทีมสโมสรไหนบ้างที่จะถือว่าเป็นตัวเก็ง มีสิทธิจะลุ้นคว้าแชมป์ไปครองในที่สุด ลองไปชมกันหน่อย

2 ทีมจากเมืองแมนเชสเตอร์

เหมือนกับทุกฤดูกาลของพรีเมียร์ลีกอังกฤษ ที่นับย้อนไป 6-7 ปีที่ผ่านมา เมืองแมนเชสเตอร์ที่ขึ้นชื่อเรื่องฟุตบอลอันดับหนึ่งของประเทศ ส่ง 2 ทีมยักษ์เข้าประกวดเช่นเคย ทีมแรกคือ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ หรือเรือใบสีฟ้า แชมป์เก่าจากปีที่แล้วนั่นเอง แน่นอนว่าแชมป์เก่าก็ต้องป้องกันแชมป์เป็นธรรมดา แต่ว่าสำหรับลูกทีมของกวาดิโอล่าแล้ว แนวโน้มของความแรงนับว่าแรงขึ้นทุกปีตั้งแต่ปีแรกที่วืดแชมป์ จนปีที่แล้วได้แชมป์ จนมาถึงปีนี้ ทุกฝ่ายต่างมองเห็นว่าการเล่นเป็นระบบสวยงาม และความดุดันยิ่งมากขึ้น ๆ เมื่อนักเตะเข้าใจปรัชญาของโค้ช
ส่วนอีกทีม แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด หรือผีแดง ทีมขวัญใจเบอร์หนึ่งของแฟนบอลไทยนั่นเอง สาเหตุก็เพราะว่าในปีที่แล้วพวกเค้าพลาดแชมป์แบบหมดลุคดูไม่จืด ไม่ได้แชมป์ใด ๆ เลย หัวเรืออย่างมูริญโญ่จึงไม่อยู่เฉยแน่ ๆ ในฐานะจอมวางแผนและแก้เกมมือหนึ่ง จึงนับว่าน่าติดตามมาก

หงส์แดงและสิงโตน้ำเงิน

ปีนี้ไม่ต้องตกใจที่มีชื่อของหงส์แดง ลิเวอร์พูลมาเกี่ยวข้องด้วย เพราะว่าปีที่ผ่านมาพวกเค้าแสดงให้โลกเห็นแล้วว่า เมื่อเกมรุกที่จัดจ้านสมชื่อเครื่องจักรสีแดงคืนชีพ ด้วยมนต์ตราของเทพเจ้าซาลาห์ที่โด่งดังไปทั่วยุโรปในปีเดียว เริ่มทำงานเมื่อไหร่ ก็แทบจะไม่มีทีมไหนรอดจากการเสียประตูได้ ส่วนเกมรับกับนายทวารจุดอ่อนมาตอนนี้พวกเค้าแก้ไขด้วยการซื้อของดีราคาแพงมาอุดแล้ว จึงหมดปัญหา
ส่วนทางด้านทีมใหญ่อย่างเชลซีก็เข้าตำราเดิม ทีมสิงโตน้ำเงินครามตัดสินใจเปลี่ยนโค้ชใหม่อีกครั้ง เป็นซาร์รี่จาก นาโปลี ก็เรียกได้ว่าปรัชญาการเล่นเปลี่ยนอีก และเดาทางไม่ออกอีกครั้ง จึงตัดพวกเค้าออกไม่ได้แน่ ๆ

ทั้ง 4 ทีมนี้จัดว่าเป็นทีมที่ฟันธงได้เลยว่า จะต้องลุ้นแชมป์กันอย่างขับเคี่ยวสูสีไปจนถึงนัดท้าย ๆ เพราะคุณภาพและความสดใหม่ในด้านทรัพยากรของทุกสโมสร จึงเรียกว่าแฟนบอลอดใจรอกันให้มีการแข่งขันไม่ไหวแล้วแน่